วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สรุปการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ

สรุปการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ

ตรงตามกับสาขาที่เรียน สิ่งที่ได้รับจากการทำงานได้เรียนรู้การโอนทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท2ว่าต้องทำขั้นตอนอย่าไงบ้างในการทำงานและรวมถึงการติดบาร์โค้ดทรัพย์สินใหม่ได้เรียนรู้การรับทรัพย์สินใหม่ทราบถึงรายละเอียดในการทำงาน
-การรู้จักการทำงานอย่างเป็นระบบ
-ได้รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่ 18

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554

-สแกนใบเสร็จ VPP Mansion จำนวน 2 แผ่น
-สแกนใบเสร็จรับเงินจำนวน 1 แผ่น
-ถ่ายรูปบาร์โค้ดเก้าอี้จำนวน 10 ตัว
-ถ่ายรูปบาร์โค้ดโต๊ะจำนวน 14 ตัว
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 3 ซอง
-เก็บตู้จำนวน 1 ตู้
-เก็บเก้าอี้จำนวน 2 ตัว



ประโยชน์ที่ได้ัรับ
-รู้จักการรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่ 17

วันที่ 21 - 25 กุมภาพันธ์ 2554

-ถ่ายรูปตู้เย็นที่แผนกตู้เย็นส่งคืนทรัพย์สินจำนวน 1 เครื่อง
-สแกนใบมติ ครั้งที่5/54 จำนวน 4 แผ่น
-ส่งเอกสารจำนวน 15 ซอง
-ส่งเอกสารที่กฎหมายจำนวน 1 ซอง
-ส่งเอกสารที่แผนกวิศวะทรัพย์สินที่รอการประเมินเพื่อทำการขายหรือส่งซ่อมจำนวน 2 ฉบับ
-เก็บทรัพย์สินโอนคืนจากแผนก IT จำนวน 2 รายการ
ได้แก่
-โต๊ะจำนวน 5 ตัว
-แฟ้มจำนวน 1 กล่อง
-วัดความกว้างและความยามของโต๊ะจำนวน 8 ตัว
-สแกนใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 12 ฉบับ
-ถ่ายเอกสารจำนวน 6 แผ่น
-สแกนใบโอนย้ายทรัพย์สินจำนวน 1 ฉบับ
-ส่งรถเข็นยาจำนวน 5 คัน
-เก็บเครื่องนึ่งเครื่องมิอแพทย์จำนวน 1 เครื่อง
-ถ่ายรูปทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 3 รายการ
-ถ่ายรูปทรัพย์สินที่ส่งคืนผิดที่
-ทรัพย์สินที่ส่งคืนไม่ตรงตามยอดที่ส่งคืน

ปัญหา
-ถ่ายรูปทรัพย์สินที่ส่งคืนผิด
-ทรัพย์สินที่ส่งคืนไม่ตรงตามยอดที่ส่งคืน

แก้ไขปัญหา
-ถามพี่คนที่ส่งคืนทรัพย์สินและถ่ายรูปใหม่ให้เรียบร้อย
-ถามพี่คนที่ส่งคืนทรัพย์สินส่วที่เหลืออยู่ไหนและตรวจสอบอีกที่ว่าจำนวนถูกต้องหรือเปล่า


ประโยชน์ที่ได้รั
-การรู้จักเเก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่ 16

วันที่ 14 - 17 กุมภาพันธ์ 2554

-ติดหมยเลขที่ทรัพย์สินรอการประมูลเครื่องมือแพทย์จำนวน 11 รายการ
-ถ่ายเอกสารจำนวน 2 ชุด
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 15 ซอง
-ติดบารโค้ดเก้าอี้จำนวน 7 ตัว
-เขียนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าหอพักโรงพยาบาลพญาไท3 จำนวน 243 ห้อง
-เก็บโต๊ะที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ส่งคืนทรัพย์สินจำนวน 4 ตัว
-ตรวความเรียบร้อยของหนังสือการปรับเปลี่ยนค่าน้ำดื่มจำนวน 1 ฉบัับ
-ทำรายการประมูลค่าการรับซื้อวัสดุรีไซเคิลของโรงพยาบาลพญาไท1 จำนวน 6 รายการ
-รับทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 6 รายการ
ได้แก่
1. ที่คั่นหนังสือจำนวน 10 อัน
2. เก้าอี้จำนวน 2 ตัว
3.ที่เจาะกระดาษจำนวน 3 อัน
4. แฟ้มจำนวน 7 อัน
5. โต๊ะจำนวน 2 ตัว
6. แม็คเย็บกระดาษจำนวน 2 อัน


ปัญหา
-ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ไม่พอดีกับจำนวนห้องพัก

แก้ไขปัญหา
-ให้พี่ที่รับผิดชอบตรวจสอบใหม่และมาเขียนให้เรียบร้อย

ประโยชน์ที่ได้รับ
-มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่ 15

วันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2554

-เช็คทรัพย์สินที่ผู้ประมูลขนจำนวน 6 รายการ
-ถ่ายรูปโทรศัพท์ำนวน 1 เครื่อง
-เขียนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าหอพักโรงพยาบาลพญาไท3 จำนวน 195 ห้อง
-ขนโซฟาจำนวน 1 ตัว
-ขนเก้าอี้จำนวน 4 ตัว
-ขนโต๊ะจำนวน 1 ตัว
-ติดบาร์โค้ดโต๊ะกลางจำนวน 18 ตัว
-ถ่ายรูปทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 1 รายกร
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 15 ซอง
-เก็บเก้าอี้ที่แผนกพัสดุโอนคืนจำนวน 1ตัว
-ถ่ายรูปเก้าอี้ที่โอนคืนจำนวน 4 ตัว
-ถ่ายเอกสารจำนวน 4 แผ่น
-สแกนใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 12 แผ่น
-ถ่ายเอกสารโฉนดที่ดินจำนวน 2 ชุด
-ถ่ายรูปเก้าอี้จำนวน 8 ตัว
-ถ่ายรูปโต๊ะจำนวน 7 ตัว


ปัญหา
-แผนกแม่บ้านบอกที่เก็บโต๊ะกลางไว้ผิดห้องทำให้เสียเวลา


แก้ไขปัญหา
-ให้แม่บ้านไปตรวจสอบอีกทีว่าอยู่ห้องไหนและติดบาร์โค้ดให้เรีบยร้อย


ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้รู้จักการทำงานร่วมกับแผนกอื่น


การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่ 14

วันที่ 31- 4 กุมภาพันธ์ 2554

-เก็บเก้าอี้ ชั้นใส่ของ โต๊ะกลาง จำนวน 3ตัว
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 27 ซอง
-ถ่ายเอกสารจำนวน 24 แผ่น
-ถ่ายรูปทรัพย์สินใหม่ที่แผนกเด็กจำนวน 4 รายการ
-บันทึกข้อมูลทรัพย์สินลงใน Oracle จำนวน 78 รายการ
-สแกนใบโอนคืนทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท 1 จำนวน 12 แผ่น
-สแกนใบโอนคืนทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท 2 จำนวน 8 แผ่น
-ติดบาร์โค้ดโต๊ะกลางจำนวน 12 ตัว
-รับทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 8 รายการ
-ถ่ายรูปทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 8 รายการ


ปัญหา
-ออกบาร์โค้ดโต๊ะกลางไม่พอกับจำนวนโต๊ะกลาง

แก้ไขปัญหา
-ออกบาร์โค้ดใหม่และติดโต๊ะกลางให้เรียบร้อย

ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้รู้จักเลขในการออกบาร์โค้ดว่าเลขแต่ล่ะตัวมีความหมายอย่างไ

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่13

วันที่ 24-28 มกราคม 2554

-ถ่ายรูปเก้าอี้จำนวน 5 ตัว
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 8 ซอง
-คีย์ข้อมูลทรัพย์สินเข้าระบบ Oracle จำนวน 4 แผนก 230 รายการ
-สแกนใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 10 แผ่น
-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้จำนวน 8 ตัว
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 8 ซอง
-ขนโต๊ะจำนวน 4 ตัว
-เขียนใบเบิกค่าน้ำมันรถยนต์เดือนมกราคมจำนวน 1 แผ่น
-คำนวณเงินค่าทรัพย์สินที่ผู้ประมูลมาเสนดราคาจำนวน 1 แผ่น
-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้จำนวน 1 ตัว
-เก็บโซฟาจำนวน 1 ตัว
-ถ่ายรูปที่นอนที่แผนกแม่บ้านส่งคืนจำนวน 25 ชิ้น

ปัญหา
-Location ในทรัพย์สินผิด

แก้ไขปัญหา
-ให้พี่แก้ไขLocationใหม่และคีย์ใหม่ให้เรียบร้อย

ประโยชน์ที่ได้รับ
-การรู้จักการเขียนใบเบิกค่าน้ำมันรถยนต์

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่12

วันที่ 17-21 มกราคม 2554

-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้ชั้น 7 ตึก 1จำนวน 39 ตัว
-เก็บชั้นที่แผนกโภชนาจำนวน 1 ชั้น
-ถ่ายรูปทรัพย์สินใหม่ที่แผนกITจำนวน 1 รายการ
-ติดบาร์โค้ดที่แผนกฉุกเฉินจำนวน 3 รายการ
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 5 ซอง
-เขียนการโอนคืนทรีพย์สินจำนวน 8 รายการ
-เก็บโต๊ะจำนวน 2 ตัว
-เก็บเก้าอี้จำนวน 3 ตัว
-เขียนใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 8 รายการ

-เก็บโต๊ะจำนวน 2 ตัว
-เก็บเก้าอี้จำนวน 3 ตัว
-เก็บโต๊ะที่แผนกสรรและบุคคลจำนวน 5 ตัว
-ถ่ายเอกสารใบเบิลค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า หอพักโรงพยาบาลพญาไท 3 จำนวน 1 ฉบับ
-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้จำนวน 28 ตัว
-ถ่ายเอกสารใบโอนคืนจำนวน 3 แผ่น
-สแกนใบโอนย้ายทรัพย์สินจำนวน 6 แผ่น
-ถ่ายเอกสารจำนวน 10 แผ่น

ปัญหา
-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้ผิด


แก้ไขปัญหา
-ให้พี่ที่ฝึกงานติดให้ดูเป็นตัวอย่าง


ประโยชน์ที่ได้รับ
-การเรียนรู้การติดบาร์โค้ดทรัพย์สินใหม่ของโรงพยาบาล

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่11

วันที่ 10-14 มกราคม 2554

-เก็บล็อกเกอร์จากแผนกการเงินชั้น 2 จำนวน 1 ตู้
-เขียนการโอนคืนทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท 10 จำนวน 4 รายการ
-เก็บโต๊ะที่ห้องยาขั้น 2 จำนวน 6 ตัว
-ถ่ายรูปโทรศัพท์จำนวน 1 เครื่อง
-สแกนใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 6 ฉบับ
-ถ่ายรูปโต๊ะที่ชำรุดจำนวน 1 ตัว
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 9 ซอง
-ถ่ายเอกสารใบเสร็จรับเงินจำนวน 5 แผ่น
-จัดเรียงใบเสร็จรับเงินหอพักเข้าแฟ้มจำนวน 1 รายการ
-ถ่ายรูปเก้าอี้ที่แผนกแกเฉินจำนวน 2 ตัว


ปัญหา
-จัดเก็บใบโอนคืนไว้ผิดปี
-เรียงปีพ.ศ.ใบเสร็จรับเงินผิด


แก้ไขปัญหา
-จัดเก็บใหม่และลบไฟล์ที่จัดผิดออก
-จัดเรียงตามปีพ.ศ.ใหม่ให้เรียบร้อย


ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้แต่ล่ะแผนกเมื่อมีการโอนคืนทรัพย์สิน

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สัปดาห์ที่10

วันที่ 4-7 มกราคม 2554

-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 13 ซอง
-สแกนเอกสารจำนวน 18 แผ่น
-เขียนทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 1 รายการ
-ขนโต๊ะจำนวน 1 ตัว
-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้ที่แผนกเด็กจำนวน 8 ตัว

ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้การเขียนโอนคืนทรัพย์สินพร้อมทั้งติดบาร์โค้ดทรัพย์สิน

วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 9

วันที่ 27-30 ธันวาคม 2553

-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 4 ซอง
-สแกนและปริ๊นเอกสารจำนวน 18 แผ่น
-ถ่ายเอกสารจำนวน 5 แผ่น
-สแกนเอกสารใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 12 ฉบับ
-ถ่ายรูปเก้าอี้ที่แผนกวิศกรรมจำนวน 2 ตัว
-ถ่ายรูป Overbedจำนวน 1 ตัว
-คีย์ข้อมูลทรัพย์สินเข้าระบบ Oracleของโรงพยาบาลพญาไท3จำนวน 3 แผนก 200 รายการ
-ขนโต๊ะคอมพิวเตอร์จำนวน 2 ตัว
-เก็บทรัพย์สินที่โภชนาจำนวน 1 รายการ
ประโยชน์ที่ได้รับ
-การเรียนรู้การเก็บทรัพย์สินที่แต่ละแผนกทำการโอนคืน

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 8

วันที่ 20-24 ธันวาคม 2553

-สแกนเอกสารเรื่องพรมปูพื้นจำนวน 6 แผ่น
-ส่งของที่แผนกยานพาหนะจำนวน 1 กล่อง
-สแกนเอกสารจำนวน 5 แผ่น-ถ่ายเอกสารจำนวน 7 แผ่น
-สแกนเอกสารใบวางบิลประสิทธิ์จำนวน 4 แผ่น
-นับทรัพย์สินโอนคืนจากแผนกแม่บ้านจำนวน 5 รายการ
-ถาดใส่อาหารจำนวน 102 ใบ -ตู้แช่จำนวน 1 ตู้
-ถ้วยชามจำนวน 2 กล่อง -ถังแก๊สปิคนิกจำนวน 2 ถัง
-หม้อต้มน้ำจำนวน 1 ใบ-สแกนและปริ๊นเอกสารจำนวน 5 แผ่น
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 4 ซอง
-ตู้เย็นแช่น้ำดื่มจำนวน 1 ตู้-รถเข็นจำนวน 2 คัน
-เขียนรายการทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 4 รายการ
-ส่งตู้ล็อคเกอร์แผนก ORหัวใจจำนวน 1 ตู้
-เก็บทรัพย์สินที่ชั้น8จำนวน 4 รายการ
-ถ้วยและชามจำนวน 2 กล่อง -โทรศัพท์จำนวน 1 กล่อง
-ช้อนส้อมจำนวน 1 กล่อง
-Overbedจำนวน 1 ตัว


ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้การเขียนรายการทรัพย์สินโอนคืน

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 7

วันที่ 14-18 ธันวาคม 2553

-นับตลับหมึกที่ต้องการขายใส่กล่องจำนวน 38 รายการ

-จัดเรียงมติและสรุปราคาเข้าแฟ้มจำนวน 2 แฟ้ม

-สแกนและปริ๊นเอกสารจำนวน 10 แผ่น

-พาลูกค้าไปดูทรัพย์สินที่ต้องการขายจำนวน 33 รายการ

-ถ่ายเอกสารจำนวน 8 แผ่น-รับโน๊ตบุ๊คที่แผนกITจำนวน 1 เครื่อง

-จัดเรียงเอกสารใบเสร็จค่าห้องพักชายเข้าแฟ้มจำนวน 4 ฉบับ

-ส่งคืนโน๊ตบุ๊คที่แผนกITจำนวน 1 เครื่อง

-สแกนและปริ๊นใบวางบิลสินค้าจำนวน 3 แผ่น

-จัดเอกสารลงซองประมูลทรัพย์สินจำนวน 3 ซอง

-จัดเรียงเอกสารลงแฟ้มสมุดเสนอเซ็นจำนวน 4 ฉบับ


ประโยชน์ที่ได้รับ

-การเรียนรู้การแนะนำทรัพย์สินให้กับลูกค้าได้ทราบเพื่อเสนอราคาสินค้า

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 6

วันที่ 7-9 ธันวาคม 2553

-สแกนและปริ๊นเอกสารจำนวน 5 แผ่น
-นำรายการ Surprise Oracle PYT3 เจาะรูและจัดเรียงเข้าแฟ้มจำนวน 1 แฟ้ม
-รับเอกสารใบโอนรถยนต์จำนวน 1 ฉบับ
-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 11 ซอง
-ทำรายการโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 13 รายการ
-ติดหมายเลขทรัพย์สินที่ต้องการขายจำนวน 35 รายการ
-สแกนใบโอนคืนและใบโอนย้ายทรัพย์สินจำนวน 8 ฉบับ


ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้การจัดเรียงรายการ Surprise Oracle PYT3เข้าแฟ้ม

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 5

วันที่ 29 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2553

-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 14 ซอง
-ถ่ายรูปโทรศัพท์และบาร์โค้ลเพื่อทำโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 1 รายการ
-ขนโต๊ะทำงานจำนวน 2 ตัว
-พิมพ์รายการทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท 1จำนวน 156 รายการ
-ถ่ายรูปชั้นวางของและที่ล้างจานอย่างละ 1 รายการ
-สแกนใบขอสั่งซื้อทรัพย์สิน(CAPEX)จำนวน 2 แผ่น
-ส่งเอกสารที่แผนกวิศวกรรมจำนวน 1 ซอง
-ติดบาร์โค้ดเก้าอี้จำนวน 2 ตัว
-คีย์ข้อมูลทรัพย์สินเข้าระบบ Oracle จำนวน 70 รายการ
-ถ่ายเอกสารจำนวน 10 แผ่น
-เก็บเครื่องมือแพทย์ เครื่องเล่นวิดีโอและ โทรทัศน์จำนวน 3 รายการ
-ทำสรุปราคาหมึกประสิทธิ์จำนวน 11 รายการ
-สแกนและปริ๊นเอกสารจำนวน 2 แผ่น
-เก็บโต๊ะและตู้ใส่ของที่แผนก I.C.U ส่งคืนจำนวน 3 ตัว


ประโยชน์ที่ได้รับ
-การรู้จักการสรุปราคาของทรัพย์สินของโรงพยาบาล

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 4

วันที่ 22-26 พฤศจิกาย 2553

-สแกนใบขอซื้อทรัพย์สินส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 12 ซอง
-คีย์ข้อมูลทรัพย์สินเข้าระบบ Oracle 6 แผนกจำนวน 154 รายการ
-ถ่านเอกสาร 5 แผ่น
-ตรวจทรัพย์สินที่แผนกสูตินรีแพทย์จำนวน 6 ห้อง
-คีย์ข้อมูลทรัพย์สินเข้าระบบ Oracle ของโรงพยาบาลพญาไท3จำนวน 14 รายการ
-ติดบาร์โค้ดที่แผนกสุขภาพหญิงจำนวน 6 ห้อง
มีรายการดังนี้
-โทรศัพท์ 8 เครื่อง
-เก้าอี้ขาc 12 ตัว
-โต๊ะ 8 ตัว
-เตียง 5 เตียง
-เครื่องวัดหัวใจเด็ก 5 เครื่อง
-ตรวจทรัพย์สินและถ่ายรูปที่ห้องผ่าตัดจำนวน 1 รายการ
-ถ่ายรูปโทรทัศน์ที่แผนกวิศวกรรมเพื่อทำรายการโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 1 เครื่อง
-ตรวจทรัพย์สินที่แผนกกุมารเวชจำนวน 1 ห้อง
-ติดบาร์โค้ดที่แผนกกุมารเวชจำนวน 4 ห้อง

ประโยชน์ที่ได้รับ
-การเรียนรู้การคีย์ข้อมูลทรัพย์สินเข้าระบบ Oracle

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 3

วันที่ 15-19 พฤศจิกาย 2553

-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 14 ซอง
-ติดบาร์โค้ดเครื่องวัดอุณหภูมิจำนวน 2 เครื่อง
-ติดบาร์โค้ดชั้นวางแฟ้มผู้ป่วยที่ห้องเวชระเบียนจำนวน 17 ชั้น
-ติดบาร์โค้ดกระเป๋าแพทย์จำนวน 5 ใบ
-ถ่ายเอกสารจำนวน 2 ฉบับ
-ขนโต๊ะจำนวน 5 ตัว
-คีย์ข้อมูลสินทรัพย์เข้าระบบ Oraclesจำนวน 58 รายการ
-เช็ดทรัพย์สินที่ศูนย์ความงามจำนวน 6 ห้อง
-สแกนใบขอย้ายสินทรัพย์สิน 6 ฉบับ
-ติดบาร์โค้ดที่ศูนย์ความงามดังนี้
-ตู้เย็น 1 เครื่อง
-เก้าอี้ 1 ตัว
-เตียง 1
-โต๊ะ 1 ตัว
-เครื่องทำเลเซอร์ 1 เครื่อง
-โต๊ะรับแขก 1 ตัว
-ขนกล่องที่ฝ่ายคลังยาและเวชภัฑณ์จำนวน 4 กล่อง
-พาลูกค้าไปดูทรัพย์สินที่จะประมูลจำนวน 31 รายการ
-ถ่ายรูปทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 2 รายการ
-รถเข็น 1 คัน
-กระเป๋าใส่เครื่องมือแพทย์ 4 ใบ
-รับทรัพย์สินคืนที่แผนก ER ส่งคืนจำนวน 2 รายการ
-ถ่ายเอกสารจำนวน 3 ชุด
-ถ่ายรูปเครื่องวัดความดันและบาร์โค้ดที่แผนกอายุรกรรมจำนวน 3 เครื่อง
-ติดบาร์โค้ดที่แผนกอายุรกรรมจำนวน 6 ห้อง



ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้การติดบาร์โค้ดทรัพย์สินใหม่ของแต่ล่ะแผนกในโรงพยาบาล

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 2

วันที่ 8-12 พฤศจิกาย 2553

-ส่งเอกสารห้องธุรการจำนวน 19 ซอง
-สแกนเอกสารและปริ๊นรายการเสียภาษีจำนวน 2 แผ่น
-ถ่ายเอกสารจำนวน 4 แผ่น ส่งเอกสารแผนกการพยาบาลจำนวน 1 ฉบับ
-ปิดผนึกกล่องทรัพย์สินพร้อมทั้งติดระบุชื่อผู้ส่งและผู้รับจำนวน 6 กล่อง
-ถ่ายเอกสารหนังสือรับรองจำนวน 10 ชุด
-จัดเอกสารหนังสือรับรองเข้าสมุดเสนอเซ็นจำนวน 10 ชุด
-ตรวจนับทรัพย์สินจำนวน 4 รายการ
มีรายละเอียดดังนี้
-โต๊ะคอมพิวเตอร์ 5 ตัว
-เก้าอี้ 5 ตัว
-โทรศัพท์ 4 เครื่อง
-เครื่องปริ๊น 2 เครือง
-ติดหมายเลขทรัพย์สินที่ต้องการประมูลขายจำนวน 31 รายการ
-ถ่ายเอกสานใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 2 รายการ
-สแกนและปริ๊นจำนวน 2 แผ่น
-เขียนทรัพย์สินโอนคืนจำนวน 1 รายการ
-สแกนเอกสารใบโอนคืน-ทรัพย์สินจำนวน 7 ชุด
- ตรวจนับจอคอมพิวเตอร์จำนวน 257 เครื่อง
-ถ่ายเอกสารใบโอนคืนทรัพย์สินจำนวน 1 แผ่น
- สแกนใบเสนอราคา Trade เครื่องฉายแสง PYT2
จำนวน 1 แผ่น
- สแกนใบขอสั่งซื้อทรัพย์สิน (CAPEX)จำนวน 7 แผ่น
-ไปรับเอกสารที่แผนกยานพาหนะและขนส่งจำนวน 1 ซอง
- สแกนเอกสารใบกรมธรรม์ประกันภัยจำนวน 5 แผ่น
-พาลูกค้าไปนับตลับหมึกจำนวนประมาณ 47 ชิ้น
- ส่งเอกสารที่ฝ่ายบุคคลจำนวน 1 ฉบับ
-ส่งใบเสร็จรับเงินที่แผนกบัญชีประสิทธิ์พัฒนาจำนวน 1 แผ่น
พร้อมทั้งนำเงินไปเข้าธนาคาร UOB
-รับกล้องถ่ายรูปที่แผนกจัดซื้อจำนวน 1 เครื่อง
-รับแฟ้มฝ่ายจัดซื้อจำนวน 3 แฟ้


ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้จักการโอนคืนทรัพย์สินของโรงพยาบาลเพื่อทำเรื่องขายทรัพย์ที่ได้รับการโอนคืน

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การฝึกประสบการวิชาชีพ สัปดาห์ที่ 1

วันที่ 1-5 พฤศจิกาย 2553

-รายงานตัวกับแผนกฝ่ายบุคคลพร้อมทั้งปฐมนิเทศนักศึกษาฝึกงานใหม่
-
พี่ๆฝ่ายบุคคลได้พาไปดูห้องต่างๆภายในโรงพยาบาลพญาไท2พร้อม
ทั้งส่งนักศึกษาฝึกงานแต่ละแผนก
-แนะนำตัวกับพี่ๆในแผนกบริหารทรัพย์สิน
-จัดส่งเอกสารไปยังแผนกธุรการจำนวน 25 ฉบับ
-จัดเรียงใบโอนคืนทรัพย์สินของโรงบาลพญาไท 3เข้าแฟ้ม
จำนวน 4 ชุด
-ขนย้ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แต่ละแผนกที่ส่งคืน จำนวน 8 รายการ
-เช็คอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่แผนกไอทีส่งคืนเพื่อจัดหน้าเอกสาร
จำนวน 47 รายการ
-ทำรายการสรุปยอดทรัพย์สินที่ต้องการเสนอมติขาย จำนวน 8 รายการ
-ตรวจเช็คทรัพย์สินแต่ละแผนกจำนวน 9 รายการ
-สแกนเอกสารใบโอนย้าย-ใบโอนคืนทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท1 จำนวน 18 ฉบับ
-ตรวจเช็คทรัพย์สินใหม่ของโรงพยาบาลพญาไท2พร้อมติดบาร์โคล้
จำนวน 3 แผนก 5 รายการ
-ตรวจนับสินทรัพย์ที่ต้องการจำหน่ายจำนวน 4 รายการ
-ขนย้ายโต๊ะคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ตัว
-ถ่านเอกสารใบเสร็จรับเงินจำนวน 20 แผ่น
-ได้รียนรู้วิธีการเสนอราคาประมูลทรัพย์สินของโรงพยาบาลพญาไท2


ประโยชน์ที่ได้รับ

-ได้เรียนรู้การตรวจเช็คทรัพย์สินใหม่ของโรงพยาบาลและการเสนอราคาประมูลทรัพย์สิน

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ลูกแรดเตรียมพร้อมล่าเหยื่อ

สิ่งที่ได้รับจากการเรียน วิชาการเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ3

1. ได้รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น
2. ได้รู้จักการตรงต่อเวลา
3. ได้เรียนรู้วิธีการออมเงิน
4. ได้รู้จักแขนงต่างๆในบริหารธุรกิจ
5. มีความอดทนในการทำงานมากขึ้น
6. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย
7. มีระเบียบวินัยในการทำงาน
8. มีการทำงานอย่างมีระบบแบบแผน
9. มีบุคลิกภาพและการแต่งกายที่เรียบร้อย
10. มีความรอบคอบในการทำงาน
11. มีหลักการและเหตุผลในการทำงาน
12. สามรถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

DTS11-23/09/2009

Summary B4 Final เรื่อง Searching
การค้นหาข้อมูล (Searching)

การค้นหา คือ การใช้วิธีการค้นหากับโครงสร้างข้อมูล เพื่อดูว่าข้อมูลตัวที่ ต้องการถูกเก็บอยู่ในโครงสร้างแล้วหรือยัง
1. การค้นหาแบบเชิงเส้นหรือการค้นหาตามลำดับ(Linear) เป็นวิธีที่ใช้กับข้อมูลที่ยังไม่ได้เรียงลำดับ
หลักการ คือ ให้นำข้อมูลที่จะหามาเปรียบเทียบกับข้อมูลตัวแรกในแถวลำดับถ้าไม่เท่ากันให้เปรียบเทียบกับข้อมูลตัวถัดไปถ้าเท่ากันให้หยุดการค้นหา
2.การค้นหาแบบเซนทินัล(Sentinel)เป็นวิธีที่การค้นหาแบบเดียวกับวิธีการค้นหาแบบเชิงเส้นแตประสิทธิภาพดีกว่าตรงที่เปรียบเทียบน้อยครั้งกว่า พัฒนา มาจากอัลกอริทึมแบบเชิงเส้น หลักการ
1) เพิ่มขนาดของแถวลำดับ ที่ใช้เก็บข้อมูลอีก 1 ที่
2) นำข้อมูลที่จะใช้ค้นหาข้อมูลใน Array ไปฝากที่ต้นหรือ ท้ายArray
3) ตรวจสอบผลลัพธ์จากการหาโดยตรวจสอบจากตำแหน่งที่พบ ถ้าตำแหน่งที่พบมีค่าเท่ากับ n-1แสดงว่าหาไม่พบ นอกนั้นถือว่าพบข้อมูลที่ค้นหา
3. การค้นหาแบบไบนารี (Binary Search)การค้นหาแบบไบนารีใช้กับข้อมูลที่ ถูกจัดเรียงแล้วเท่านั้น
หลักการของการค้นหาคือ ข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นสองส่วแล้วนำค่ากลางข้อมูลมาเปรียบเทียบกับคีย์ที่ต้องการหา
1.หาตัวแทนข้อมูลเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับค่าที่ต้องการค้น
2. นำผลการเปรียบเทียบกรณีที่หาไม่พบมาใช้ในการค้นหารอบต่อไป
การค้นหาแบบไบนารี (Binary Search)
ถ้าข้อมูลมีการเรียงจากน้อยไปหามาก เมื่อเปรียบเทียบแล้วคีย์มีค่ามากกว่าค่ากลาง แสดงว่าต้องทำการค้นหาข้อมูลในครึ่งหลังต่อไป จากนั้นนำข้อมูลครึ่งหลังมาหาค่ากลางต่อ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ข้อมูลที่ต้องการ เช่นต้องการหาว่า 12 อยู่ในลิสต์ (1 4 6 8 10 12 18 19) หรือไม่
เริ่มการค้นหาแบบไบนารีด้วยการเปรียบเทียบกับค่ากลางในลิสต์ คือค่าa[4] ซึ่งเก็บค่า 8 ซึ่ง 12 > a[4] หมายความว่าค่า 12 ควรจะอยู่ในข้อมูลด้านขวาของ a[4] คือ ช่วง a[5] …a[8]โดยไม่สนใจช่วงข้อมูล a[1] …a[3] Searching
ตารางแฮซ (Hash Table)
ตารางแฮช (Hash Tables)
การเข้าถึงข้อมูลโดยตรง กำหนด ให้ k เป็นคีย์ ถูกจัดเก็บอยู่ใน ช่อง k ด้วยการทำแฮชด้วยพื้นฐาน การจัดเก็บในช่องที่ h(k) โดย ใช้ฟังก์ชัน h เพื่อคำนวณหาช่องของคีย์โดยการจับคู่กับเอกภพสัมพัทธ์U ในตาราง Th: U 􀃆 {0,1,…,m-1} ฟังก์ชัน แฮช จะทำงานแบบสุ่ม แนวคิดหลัก คือ ลด ขนาดอะเรย์ของดัชนี
การชนกันของข้อมูล (Collision)
การที่แทรกคีย์ในตาราง ที่จัดเก็บนั้นมีโอกาสที่คีย์ที่ถูกสร้างจากฟังก์ชัน ในช่องเดียวกัน การเกิดการชนกันก็ยังคงต้องมีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง การแก้ไขปัญหาชนกันของข้อมูล แบบห่วงโซ่(Chaining)1. กรณีที่เลวร้ายที่สุด ในการแทรกข้อมูลคือ o(1) 2. การลบสมาชิก สามารถทำได้ด้วยเวลาที่น้อยที่สุดของ o(1)ทางปฏิบัติ ใช้เทคนิค ฮิวริสติก (Heuristic) ในการสร้างฟังก์ชันแฮช แนวทางหนึ่งที่ดีคือ การแปลงค่าของข้อมูลที่มีอยู่แล้วด้วยข้อมูลที่มีอยู่ (วิธีการหาร:Division method) ฟังก์ชันแฮช คือการกำหนดค่าคีย์ที่เกิดขึ้นในเอก ภพสัมพัทธ์จากตัวเลขธรรมชาติ
วิธีการสร้างฟังก์ชันแฮช
1.วิธีการหาร (The Division Method)
2.วิธีการคูณ(The Multiplication Method)
3.วิธีทั่วไป (Universal hashing)

เทคนิคลำดับของการตรวจสอบ
1. การตรวจสอบเชิงเส้น (Linear Probing)
2.การตรวจสอบด้วยสมการกำลังสอง(Quadratic Probing)
3. การสร้างฟังก์ชันแฮชแบบสองเท่า(Double Hashing)

DTS10-20/09/2009

Sorting
การเรียงลำดับ (sorting)
เป็นการจัดให้เป็นระเบียบ มีแบบแผน ช่วยให้การค้นหาสิ่งของหรือข้อมูล
สามารถทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่นการค้นหาความหมายของคำในพจนานุกรม
ทำให้ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว
การเรียงลำดับอย่างมีประสิทธิภาพ
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อเลือกวิธีการเรียงลำดับที่ดีและเหมาะสมกับระบบงาน
1.เวลาและแรงงานที่ต้องใช้ในการเขียนโปรแกรม
2.เวลาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ต้องใช้ในการทำงานตามโปรแกรมที่เขียน
3.จำนวนเนื้อที่ในหน่วยความจำหลักมีเพียงพอหรือไม่
วิธีการเรียงลำดับ มีหลายวิธีที่สามารถใช้ในการเรียงลำดับข้อมูลได้

วิธีการเรียงลำดับแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.การเรียงลำดับภายใน (internal sorting)
เป็นการเรียงลำดับที่ข้อมูลทั้งหมดต้องอยู่ใน
หน่วยความจำหลัก
วิธีการเรียงลำดับ
เนื่องจากวิธีการมากมายที่สามารถใช้ในการเรียงลำดับข้อมูลได้ บางวิธีมีขั้นตอนการจัดเรียงเป็นแบบ
ง่ายๆ ตรงไปตรงมา แต่ใช้เวลาในการจัดแบบซับซ้อนยุ่งยากแต่ใช้เวลาในการจัดเรียงลำดับแบบซับซ้อน
ยุ่งยาก แต่ใช้เวลาในการจักเรียงไม่นาน
2.การเรียงลำดับแบบภายนอก (external sorting) เป็นการเรียนลำดับข้อมูลที่เก็บอยู่ใน
หน่วยความจำสำรอง เป็นการเรียงลำดับข้อมูลในแฟ้มข้อมูล (file)
การเรียงลำดับแบบเลือก (selection sort)
ข้อมูลจะอยู่ทีละตัว โดยทำการค้นหาข้อมูลในแต่ละรอบแบบเรียงลำดับ ถ้าเป็นการเรียงลำดับจากน้อยไปมาก
1.ในรอบแรกจะทำการค้นหาข้อมูลตัวที่มีค่าน้อยที่สุดมาเก็บไว้ที่ตำแหน่งที่ 1
2.ในรอบที่สองนำข้อมูลตัวที่มีค่าน้อยรองลงมาไปเก็บไว้ที่ตำแหน่งที่สอง
3.ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งครบทุกค่า ในที่สุดได้ข้อมุลเรียงลำดับจากน้อยไปมากตามที่ต้องการ

การเรียงลำดับแบบฟอง Bubble Sort
1. ถ้าข้อมูลทั้งสองไม่อยู่ในลำดับที่ถูกต้องให้สลับตำแหน่งที่อยู่กัน
2.ถ้าเป็นการเรียงลำดับจากน้อยไปหามากให้นำข้อมูลตัวที่มีค่าน้อยกว่าอยู่ในตำแหน่งก่อนข้อมูลที่มีค่ามาก
การเรียงลำดับแบบฟองเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เป็นวิธีการเรียงลำดับที่นิยมใช้กันมากเพราะมีรูปแบบที่เข้าใจง่าย
แต่ประสิทธิภาพการทำงานค่อนข้างต่ำ
การเรียงลำดับแบบเร็ว quick Sort
เป็นวิธีการเรียงลำดับที่ใช้เวลาน้อยเหมาะสำหรับข้อมูลที่มีจำนวนมากที่ต้องการความรวดเร็วในการทำงาน
อีกส่วนหนึ่งจะอยู่ในตำแหน่งตอนหลังข้อมูลทั้งหมด จะมีค่ามากกว่าค่าหลัก แล้วนำแต่ละส่วนย่อยไปแบ่งย่อย
ในลักษณะเดียวกันต่อไปจนกระทั่งแต่ละส่วนไม่สามรถแบ่งย่อยได้อีก ถ้าเป็นการเรียงลำดับจากน้อยไปมากการเปรียบเทียบ
เพื่อหาตำแหน่งให้กับค่าหลักตัวแรกเริ่มจากข้อมูลในตำแหน่งแรกหรือสุดท้ายก็ได้
การเรียงลำดับแบบแทรก insertion sort
เป็นวิธีการเรียงลำดับที่ทำการเพิ่มสมาชิกใหม่เข้าไปในเซต
ทีมีสมาชิกทุกตัวเรียงลำดับอยู่แล้ว และทำให้เซตใหม่ที่ได้นี้มีทุกตัวเรียงลำดับด้วย

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

DTS 09-14/09/2009

Graph

กราฟ (Graph) เป็นโครงสร้างข้อมูล
แบบไม่ใช่เชิงเส้น อีกชนิดหนึ่ง กราฟเป็น
โครงสร้างข้อมูลที่มีการนำไปใช้ในงาน
ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างซับซ้อน
เช่น การวางข่าย งานคอมพิวเตอร์ การ
วิเคราะห์เส้นทางวิกฤติ และปัญหาเส้นทาง
ที่สั้นที่สุด

นิยามของกราฟ
กราฟ เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบไม่ใช่เชิงเส้น
ที่ประกอบ ด้วยกลุ่มของสิ่งสองสิ่งคือ

(1) โหนด (Nodes) หรือ เวอร์เทกซ์(Vertexes)
(2) เส้นเชื่อมระหว่างโหนด เรียก เอ็จ (Edges)
กราฟที่มีเอ็จเชื่อมระหว่างโหนดสองโหนด
ถ้าเอ็จไม่มีลำดับ ความสัมพันธ์จะเรียกกราฟนั้นว่า
กราฟแบบไม่มีทิศทาง (Undirected Graphs)

และถ้ากราฟนั้นมีเอ็จที่มีลำดับ
ความสัมพันธ์หรือมีทิศทางกำกับด้วยเรียกกราฟ
นั้นว่า กราฟแบบมีทิศทาง(Directed Graphs)

บางครั้งเรียกว่า ไดกราฟ (Digraph)
ถ้าต้องการอ้างถึงเอ็จแต่ละเส้นสามารถเขียนชื่อเอ็จกำกับไว้ก็ได้
การแทนกราฟในหน่วยความจำ
ในการปฏิบัติการกับโครงสร้างกราฟ สิ่งที่
ต้องการจัดเก็บ จากกราฟโดยทั่วไปก็คือ เอ็จ ซึ่ง
เป็นเส้นเชื่อมระหว่างโหนดสองโหนด มีวิธีการ
จัดเก็บหลายวิธี วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา
ที่สุดคือ การเก็บเอ็จในแถวลำดับ 2 มิติ

การท่องไปในกราฟ
การท่องไปในกราฟ (graph traversal) คือ
กระบวนการเข้าไปเยือนโหนดในกราฟ โดยมีหลักในการ
ทำงานคือ แต่ละโหนดจะถูกเยือนเพียงครั้งเดียว สำหรับ
การท่องไปในทรีเพื่อเยือนแต่ละโหนดนั้นจะมีเส้นทางเดียว
แต่ในกราฟระหว่างโหนดอาจจะมีหลายเส้นทาง ดังนั้น
เพื่อป้องกันการท่องไปในเส้นทางที่ซ้ำเดิมจึงจำเป็นต้องทำ
เครื่องหมายบริเวณที่ได้เยือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพื่อไม่ให้เข้าไปเยือนอีก สำหรับเทคนิคการท่องไป
ในกราฟมี 2 แบบดังนี้
1. การท่องแบบกว้าง (Breadth First Traversal)
วิธีนี้ทำโดยเลือกโหนดที่เป็นจุดเริ่มต้น ต่อมาให้เยือนโหนด
อื่นที่ใกล้กันกับโหนดเริ่มต้นทีละระดับจนกระทั่งเยือนหมดทุก
โหนดในกราฟ

2. การท่องแบบลึก (Depth First Traversal)
การทำงานคล้ายกับการท่องทีละระดับของทรี โดย
กำหนดเริ่มต้นที่โหนดแรกและเยือนโหนดถัดไปตาม
แนววิถีนั้นจนกระทั่งนำไปสู่ปลายวิถีนั้น จากนั้น
ย้อนกลับ (backtrack) ตามแนววิถีเดิมนั้น จนกระทั่ง
สามารถดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่แนววิถีอื่น ๆ เพื่อเยือน
โหนดอื่น ๆ ต่อไปจนครบทุกโหนด

DTS 08-25/08/2009

Tree

ทรี (Tree) เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ความสัมพันธ์
ระหว่าง โหนดจะมีความสัมพันธ์ลดหลั่นกันเป็นลำดับ
ชั้น (Hierarchical Relationship)
แต่ละโหนดจะมีความสัมพันธ์กับโหนดใน
ระดับที่ต่ำลงมา หนึ่งระดับได้หลาย ๆ โหนด
เรียกโหนดดังกล่าวว่า
โหนดแม่ (Parent or
Mother Node)
โหนดที่อยู่ต่ำกว่าโหนดแม่อยู่หนึ่งระดับ

เรียกว่า โหนดลูก (Child or Son Node)
โหนดที่อยู่ในระดับสูงสุดและไม่มีโหนดแม่
เรียกว่า โหนดราก (Root Node)
โหนดที่มีโหนดแม่เป็นโหนดเดียวกัน
เรียกว่า โหนดพี่น้อง (Siblings)
โหนดที่ไม่มีโหนดลูก เรียกว่า
โหนดใบ (Leave Node)
เส้นเชื่อมแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
โหนดสองโหนดเรียกว่า กิ่ง (Branch)
นิยามของทรี

1. นิยามทรีด้วยนิยามของกราฟ
ทรี คือ กราฟที่ต่อเนื่องโดยไม่มี
วงจรปิด (loop) ในโครงสร้าง โหนดสองโหนด
ใด ๆ ในทรีต้องมีทางติดต่อกัน
ทางเดียวเท่านั้น และทรีที่มี N โหนด ต้องมีกิ่ง
ทั้งหมด N-1 เส้น
2. นิยามทรีด้วยรูปแบบรีเคอร์ซีฟ
ทรีประกอบด้วยสมาชิกที่เรียกว่า
โหนด โดยที่ ถ้าว่าง ไม่มีโหนดใด ๆ

เรียกว่านัลทรี (Null Tree) และถ้ามีโหนด
หนึ่งเป็นโหนดราก ส่วนที่เหลือจะแบ่งเป็น
ทรีย่อย (Sub Tree)
T1, T2, T3,…,Tk โดยที่ k>=0

และทรีย่อย
ต้องมีคุณสมบัติเป็นทรี
นิยามที่เกี่ยวข้องกับทรี
1. ฟอร์เรสต์ (Forest)

หมายถึง กลุ่มของทรีที่เกิดจากการ
เอาโหนดรากของทรีออก
หรือ เซตของทรีที่แยกจากกัน(Disjoint Trees)

2. ทรีที่มีแบบแผน (Ordered Tree)
หมายถึง ทรีที่โหนดต่าง ๆ ในทรีนั้นมี
ความสัมพันธ์ที่แน่นอน เช่น ไปทางขวา
ไปทางซ้าย

3. ทรีคล้าย (Similar Tree)
คือทรีที่มีโครงสร้างเหมือนกัน หรือทรีที่มี
รูปร่างของทรีเหมือนกัน โดยไม่คำนึงถึง
ข้อมูลที่อยู่ในแต่ละโหนด

4. ทรีเหมือน (Equivalent Tree)
คือทรีที่เหมือนกันโดยสมบูรณ์ โดยต้องเป็นทรีที่
คล้ายกันและแต่ละโหนดในตำแหน่ง
เดียวกันมีข้อมูลเหมือนกัน

5. กำลัง (Degree)
หมายถึงจำนวนทรีย่อยของโหนด นั้น ๆ
ในรูปโหนด “B” มีกำลังเป็น 1 เพราะ
มีทรีย่อย คือ {“D”}
ส่วนโหนด “C” มีค่ากำลังเป็นสอง เพราะ
มีทรีย่อย คือ {“E”, “G”, “H”, “I”} และ {“F”}

6. ระดับของโหนด (Level of Node)

คือระยะทางในแนวดิ่งของโหนดนั้น ๆ ที่อยู่ห่างจากโหนด
ราก เมื่อกำหนดให้ โหนดรากของทรีนั้นอยู่ระดับ 1
และกิ่งแต่ละกิ่งมีความเท่ากันหมด คือ ยาวเท่ากับ 1
หน่วย ซึ่งระดับของโหนดจะเท่ากับจำนวนกิ่งที่น้อยที่สุด
จากโหนดรากไปยังโหนดใด ๆ บวกด้วย 1
และจำนวนเส้นทางตามแนวดิ่งของโหนดใด ๆ ซึ่งห่าง
จากโหนดราก เรียกว่า ความสูง (Height)

หรือความลึก (Depth)
การแทนที่ทรีในหน่วยความจำหลัก
การแทนที่โครงสร้างข้อมูลแบบทรีในความจำหลัก
จะมีพอยเตอร์เชื่อมโยงจากโหนดแม่ไปยังโหนดลูก แต่ละ
โหนดต้องมีลิงค์ฟิลด์เพื่อเก็บที่อยู่ของโหนดลูกต่าง ๆ นั่นคือ
จำนวน ลิงค์ฟิลด์ของแต่ละโหนดขึ้นอยู่กับจำนวนของ

โหนดลูก
1. โหนดแต่ละโหนดเก็บพอยเตอร์ชี้ไปยังโหนดลูก
ทุกโหนด การแทนที่ทรีด้วยวิธีนี้ จะให้จำนวนฟิลด์ในแต่ละ
โหนดเท่ากันโดยกำหนดให้มีขนาดเท่ากับจำนวนโหนดลูก
ของโหนดที่มีลูกมากที่สุด โหนดใดไม่มีโหลดลูกก็ให้ค่า
พอยเตอร์ในลิงค์ฟิลด์นั้นมีค่าเป็น Null
และให้ลิงค์ฟิลด์แรกเก็บค่าพอยเตอร์ชี้ไปยังโหนด ลูกลำดับ
ที่หนึ่ง ลิงค์ฟิลด์ที่สองเก็บค่าพอยเตอร์ชี้ไปยังโหนดลูก
ลำดับที่สอง และลิงค์ฟิลด์อื่นเก็บค่าพอยเตอร์ของโหนดลูก
ลำดับ ถัดไปเรื่อย ๆ
2. แทนทรีด้วยไบนารีทรี
เป็นวิธีแก้ปัญหาเพื่อลดการ สิ้นเปลืองเนื้อที่ในหน่วยความจำก็คือ
กำหนดลิงค์ฟิลด์ให้มีจำนวนน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
โดยกำหนดให้แต่ละโหนดมีจำนวนลิงค์ฟิลด์สองลิงค์ฟิลด์
-ลิงค์ฟิลด์แรกเก็บที่อยู่ของโหนดลูกคนโต
-ลิงค์ฟิลด์ที่สองเก็บที่อยู่ของโหนดพี่น้องที่เป็นโหนดถัดไป
โหนดใดไม่มีโหนดลูกหรือไม่มีโหนดพี่น้องให้ค่าพอยน์เตอร์ใน
ลิงค์ฟิลด์มีค่าเป็น Null

การแปลงทรีทั่วไปให้เป็นไบนารีทรี
ขั้นตอนการแปลงทรีทั่วๆ ไปให้เป็น

ไบนารีทรี มีลำดับขั้นตอนการแปลง ดังต่อไปนี้
1. ให้โหนดแม่ชี้ไปยังโหนดลูกคนโต แล้วลบ
ความสัมพันธ์ ระหว่างโหนดแม่และโหนดลูกอื่น ๆ
2. ให้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโหนดพี่น้อง
3. จับให้ทรีย่อยทางขวาเอียงลงมา 45 องศา
1. การท่องไปแบบพรีออร์เดอร์
(Preorder Traversal)

เป็นการเดินเข้าไปเยือนโหนดต่าง ๆ ในทรีด้วยวิธี
NLR มีขั้นตอนการเดินดังต่อไปนี้
(1) เยือนโหนดราก
(2) ท่องไปในทรีย่อยทางซ้ายแบบพรีออร์เดอร์
(3) ท่องไปในทรีย่อยทางขวาแบบพรีออร์เดอร์
2.การท่องไปแบบอินออร์เดอร์
(Inorder Traversal)

เป็นการเดินเข้าไปเยือนโหนดต่าง ๆ
ในทรีด้วยวิธี LNR
มีขั้นตอนการเดินดังต่อไปนี้
(1) ท่องไปในทรีย่อยทางซ้ายแบบอินออร์เดอร์
(2) เยือนโหนดราก
(3) ท่องไปในทรีย่อยทางขวาแบบอินออร์เดอร์

3. การท่องไปแบบโพสออร์เดอร์
(Postorder Traversal)

เป็นการเดินเข้าไปเยือนโหนดต่าง ๆ
ในทรีด้วยวิธี LRN มีขั้นตอนการเดินดังต่อไปนี้
(1) ท่องไปในทรีย่อยทางซ้ายแบบโพสต์ออร์เดอร์
(2) ท่องไปในทรีย่อยทางขวาแบบโพสต์ออร์เดอร์
(3) เยือนโหนดราก

ไบนารีเซิร์ชทรี
ไบนารีเซิร์ชทรี (Binary Search Tree)
เป็นไบนารีทรีที่มีคุณสมบัติที่ว่าทุก ๆ โหนด
ในทรี ค่าของโหนดรากมีค่ามากกว่าค่าของทุก
โหนดในทรีย่อยทางซ้าย และมีค่าน้อยกว่า
หรือเท่ากับค่าของทุกโหนดในทรีย่อยทางขวา
และในแต่ละทรีย่อยก็มี คุณสมบัติเช่นเดียวกัน


DTS 07-11/08/2009

Queue

คิว (Queue) เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบเชิงเส้นหรือ
ลิเนียร์ลิสต์ซึ่งการเพิ่มข้อมูลจะกระทำที่ปลายข้างหนึ่งซึ่ง
เรียกว่าส่วนท้ายหรือเรียร์ (rear) และการนำข้อมูลออกจะ
กระทำที่ปลายอีกข้างหนึ่งซึ่งเรียกว่า ส่วนหน้า หรือฟรอนต์
(front)
ลักษณะการทำงานของคิวเป็นลักษณะของการเข้าก่อน
ออกก่อนหรือที่เรียกว่า FIFO (First In First Out)

การทำงานของคิว
การใส่สมาชิกตัวใหม่ลงในคิว เรียกว่า Enqueue
ซึ่งมีรูปแบบคือ
enqueue (queue, newElement)
หมายถึง การใส่ข้อมูลnewElement ลงไปที่ส่วนเรียร์ของคิว

การนำสมาชิกออกจากคิว เรียกว่า
Dequeue
ซึ่งมีรูปแบบคือ
dequeue (queue, element)หมายถึง การนำออกจากส่วนหน้า
ของคิวและให้ ข้อมูลนั้นกับ element

การนำข้อมูลที่อยู่ตอนต้นของคิวมาแสดงจะ
เรียกว่า Queue Front
แต่จะไม่ทำการเอาข้อมูลออกจากคิว

การนำข้อมูลที่อยู่ตอนท้าย
ของคิวมาแสดงจะ เรียกว่า
Queue Rear แต่จะไม่ทำ
การเพิ่มข้อมูลเข้าไปในคิว

การแทนที่ข้อมูลของคิว
สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. การแทนที่ข้อมูลของคิวแบบลิงค์ลิสต์
2. การแทนที่ข้อมูลของคิวแบบอะเรย์

การแทนที่ข้อมูลของสแตกแบบลิงค์ลิสต์
จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ

1. Head Node
จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ
พอยเตอร์จำนวน 2 ตัว คือ Front และ rear
กับจำนวนสมาชิกในคิว
2. Data Node จะประกอบไปด้วย
ข้อมูล (Data) และพอยเตอร์ที่ชี้ไปยังข้อมูลตัวถัดไป
การดำเนินการเกี่ยวกับคิว
1.Create Queue คือ จัดสรรหน่อยความจำให้แก่ Head Node
และให้ค่า ponter ทั้ง 2 ตัวมีค่าเป็น null และจำนวนสมาชิกเป็น 0
2.Enqueue คือ การเพื่มข้อมูลเข้าไปใน
3.Dequeue คือ การนำข้อมุลออกจากคิว
4.Queue Front คือ เป็นการนำข้อมูลที่อยู่ส่วนต้นของคิวมาแสดง
5.Queue Rear คือ เป็นการนำข้อมุลที่อยุ่ส่วนท้ายของคิวมาแสดง
6.Empty Queue คือ เป็นการตรวจสอบว่าคิวว่างหรือไม่
7.Full Queue คือ เป็นการตรวจสอบว่าคิวเต็มหรือไม่
8.Queue Count คือ เป็นการนับจำนวนสมาชิกที่อยู่ในคิว
9.Destroy Queue คือ เป็นการลบข้อมุลทั้งหมดที่อยู่ในคิว
การประยุกต์ใช้คิว
คิวถูกประยุกต์ใช้มากในการจำลองระบบงาน
ธุรกิจ เช่น การให้บริการลูกค้า ต้องวิเคราะห์จำนวน
ลูกค้าในคิวที่เหมาะสม
ว่าควรเป็นจำนวนเท่าใด เพื่อให้ลูกค้าเสียเวลาน้อย
ที่สุด ในด้านคอมพิวเตอร์ ได้นำคิวเข้ามาใช้ คือ
ในระบบปฏิบัติการ (Operation System) ในเรื่อง
ของคิวของงานที่เข้ามาทำงาน (ขอใช้ทรัพยากร
ระบบของ CPU) จะจัดให้งานที่เข้ามาได้ทำงาน
ตามลำดับความสำคัญ

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

DTS 06-04/08/2009

STACK

สแตก (stack) เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ ข้อมูลแบบลิเนียร์ลิสต์ ที่มีคุณสมบัติที่ว่า
เพิ่มหรือลบข้อมูลในสแตก จะกระทำที่ปลายข้างเดียว ซึ่งเรียกว่า Top ของสแตก
(Top of Stack)และลักษณะที่สำคัญของสแตก คือ ข้อมูลที่ใส่หลังสุดจะถูกออกมา
จากสแตกเป็นลำดับสุดแรกสุด เรียกว่าคุณสมบัตินี้ว่า LIFO (Last First Out)
การดำเนินงานพื้นฐานของสแตก
การทำงานต่างๆของสแตกจะกระทำที่ปลายข้างหนึ่งของสแตกเท่านั้น
ดังนั้นจะต้องมีตัวชี้(pointer)
ตำแหน่งข้อมูลบนสุดจะประกอบด้วยกระบวนการ 3 กระบวนการที่สำคัญคือ
1.Push คือ การนำข้อมูลใส่ลงไปในสแตก เช่น สแตก s ต้องใส่ข้อมูล i ในสแตกจะได้ push (s,i) คือ ใส่ข้อมูล i ลงไปที่ทอปสแตก s ในการเพิ่มสแตก จะต้องทำการตรวจสอบว่าสแตก
เต็มหรือไม่ ถ้ไม่เต็มก็สามารถเพิ่มข้อมูลลงในสแตกได้ แล้วปรับตัวชี้ตำแหน่งให้ไปชี้ที่ตำแหน่ง
ข้อมูลใหม่ ถ้าสแตกเต็ม ก็จะไม่สามารถเพิ่มข้อมูลเข้าไปในสแตกได้อีก
2.Pop คือ การนำข้อมูลออกจากส่วนบนสุดของสแตก เช่น ต้องการนำข้อมูลออกจากสแตก s ไปไว้ที่ตัวแปร i จะได้ i = pop(s)
3.Stack Top เป็นการคัดลอกข้อมูลที่อยู่บนสุดของสแตกแต่ไม่ได้นำเอาข้อมูลนั้นออกจา
การแทนที่ข้อมูลของสแตก
สามารทำได้ 2 วิธี คือ
1.การแทนที่ข้อมูลของสแตกแบบลิงลิสต์
2.การแทนที่ข้อมูลของสแตกแบบอะเลย์
การแทนที่ข้อมูลของสแตกแบบลิงลิสต์จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ
1.Head Node จะประกอบด้วย 2 ส่วน top pointer และจำนวนสมาชิกในสแตก
2.Daya Node จะประกอบไปด้วยข้อมูล (Data) และพอยเตอร์ ที่ชี้ไปยังข้อมูลตัวถัดไป
การดำเนินงานเกี่ยวกับสแตก ได้แก่
1.Create Stack
2.Push Stack
3.Pop Stack
4.Stack Top
5.Empty Stack
6.Full Stack
7.Stack
8.Destroy
การประยุกต์ใช้สแตก
การประยุกต์ใช้สแตกจะใช้ในงานด้านปฏบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขั้นตอนการทำงานต้องการเก็บข่าวสารอันดับแรกสุดไว้ใช้หลังสุด

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

DTS 05-28/07/2009

Linked List

ลิงค์ลิสต์ (Linked List) เป็นวิธีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องของอิลิเมนต์ต่าง ๆ
โดยมีพอยเตอร์เป็นตัวเชื่อมต่อแต่ละอิลิเมนท์ เรียกว่าโนด (Node)
ซึ่งในแต่ละโนดจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือData จะเก็บข้อมูลของอิลิเมนท์ และส่วนที่สอง คือ Link Field จะทำหน้าที่เก็บตำแหน่งของโนดต่อไปในลิสต์
ในลิงค์ลิสต์จะมีตัวแปรสำหรับชี้ตำแหน่งลิสต์ (List pointer variable)ซึ่งเป็นที่เก็บตำแหน่งเริ่มต้นของลิสต์ ซึ่งก็คือโหนดแรกของลิสต์นั่นเอง ถ้าลิสต์ไม่มีข้อมูล ข้อมูลในโหนดแรกของลิสต์จะเป็นNull

โครงสร้างข้อมูลแบบลิงค์ลิสต์โครงสร้างข้อมูลแบบลิงค์ลิสต์จะแบ่งเป็น 2 ส่วน

1. Head Structure จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนได้แก่ จำนวนโหนดในลิสต์ (Count)

พอยเตอร์ที่ชี้ไปยัง
โหนดที่เข้าถึง (Pos) และพอยเตอร์ที่ชี้ไปยังโหนดข้อมูลแรกของลิสต์ (Head)
2. Data Node Structure จะประกอบไปด้วยข้อมูล(Data)

และพอยเตอร์ที่ชี้ไปยังข้อมูลตัวถัดไป
กระบวนงานและฟังก์ชั่นที่ใช้ดำเนินงานพื้นฐาน
1. กระบวนงาน Create Listหน้าที่ สร้างลิสต์ว่างผลลัพธ์ ลิสต์ว่าง
2. กระบวนงาน Insert Nodeหน้าที่เพิ่มข้อมูลลงไปในลิสต์บริเวณตำแหน่งที่ต้องการข้อมูลนำเข้า ลิสต์ ข้อมูล และตำแหน่งผลลัพธ์ ลิสต์ที่มีการเปลี่ยนแปลง
3. กระบวนงาน Delete Nodeหน้าที่ ลบสมาชิกในลิสต์บริเวณตำแหน่งที่ต้องการข้อมูลนำเข้า ข้อมูลและตำแหน่งผลลัพธ์ ลิสต์ที่มีการเปลี่ยนแปลง
4. กระบวนงาน Search listหน้าที่ ค้นหาข้อมูลในลิสต์ที่ต้องการข้อมูลนำเข้าลิสต์ผลลัพธ์ ค่าจริงถ้าพบข้อมูล ค่าเท็จถ้าไม่พบข้อมูล
5. กระบวนงาน Traverseหน้าที่ ท่องไปในลิสต์เพื่อเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลนำเข้าลิสต์ผลลัพธ์ ขึ้นกับการประมวลผล เช่นเปลี่ยนแปลงค่าใน node , รวมฟิลด์ในลิสต์ ,คำนวณค่าเฉลี่ยของฟิลด์ เป็นต้น
6. กระบวนงาน Retrieve Nodeหน้าที่ หาตำแหน่งข้อมูลจากลิสต์ข้อมูลนำเข้าลิสต์ผลลัพธ์ ตำแหน่งข้อมูลที่อยู่ในลิสต์
7. ฟังก์ชั่น EmptyListหน้าที่ ทดสอบว่าลิสต์ว่างข้อมูลนำเข้า ลิสต์ผลลัพธ์ เป็นจริง ถ้าลิสต์ว่างเป็นเท็จ ถ้าลิสต์ไม่ว่าง
8. ฟังก์ชั่น FullListหน้าที่ ทดสอบว่าลิสต์เต็มหรือไม่ข้อมูลนำเข้าลิสต์ผลลัพธ์ เป็นจริง ถ้าหน่วยความจำเต็มเป็นเท็จ ถ้าสามารถมีโหนดอื่น
9. ฟังก์ชั่น list countหน้าที่ นับจำนวนข้อมูลที่อยู่ในลิสต์ข้อมูลนำเข้าลิสต์ผลลัพธ์ จำนวนข้อมูลที่อยู่ในลิสต์
10. กระบวนงาน destroy listหน้าที่ ทำลายลิสต์ข้อมูลนำเข้า ลิสต์ผลลัพธ์ ไม่มีลิสต์
Linked List แบบซับซ้อน
1. Circular Linked List เป็นลิงค์ลิสต์ที่สมาชิกตัวสุดท้ายมีตัวชี้ (list) ชี้ไปที่สมาชิกตัวแรกของลิงค์ลิสต์ จะมีการทำงานไปในทิศทางเดียวเท่านั้นคือเป็นแบบวงกลม2. Double Linked List เป็นลิงค์ลิสต์ที่มีทิศทางการทำงานแบบ 2 ทิศทาง ในลิงค์ลิสต์แบบ 2ทิศทาง ส่วนข้อมูลจะมีตัวชี้ไปที่ข้อมูลก่อนหน้า (backward pointer) และตัวชี้ข้อมูลถัดไป(forward pointer)

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

DTS 04-14/07/2009

Set and String

โครงสร้างข้อมูลแบบเซ็ต

เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ข้อมูลแต่ละตัวไม่มี
ความสัมพันธ์กัน ในภาษาซี
จะไม่มีประเภทข้อมูลแบบเซ็ตนี้เหมือนกับในภาษา
ปาสคาล แต่สามารถใช้หลักการของการดำเนินงาน
แบบเซ็ตมาใช้ได้

ตัวดำเนินการของเซ็ต ประกอบด้วย
-set intersection แบบซ้ำกัน
-set union แบบรวมกัน
-ste difference แบบแตกแต่กัน

สตริง (String) หรือ สตริงของอักขระ (Character
String) เป็นข้อมูลที่ประกอบไปด้วย ตัวอักษร ตัวเลขหรือ
เครื่องหมายเรียงติดต่อกันไป รวมทั้งช่องว่าง

การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นสตริง
มีการนำไปใช้สร้างโปรแกรมประเภทบรรณาธิการข้อความ
(text editor) หรือโปรแกรมประเภทประมวลผลคำ (word
processing) ซึ่งมีการทำงานที่อำนวยความสะดวกหลายอย่าง
เช่น การตรวจสอบข้อความ การจัดแนวข้อความ
ในแต่ละย่อหน้า และการค้นหาคำ

การกำหนดสตริงทำได้หลายแบบ คือ
1. กำหนดเป็นสตริงที่มีค่าคงตัว
(String Constants)
2. กำหนดโดยใช้ตัวแปรอะเรย์หรือพอยเตอร์

สามารถกำหนดได้ทั้งนอกและในฟังก์ชัน เมื่อกำหนดไว้นอก
ฟังก์ชัน ชื่อค่าคงตัวจะเป็นพอยเตอร์ชี้ไปยังหน่วยความจำที่เก็บสตริง
นั้น เมื่อกำหนดไว้ในฟังก์ชัน จะเป็นพอยเตอร์ไปยังหน่วยความจำที่
เก็บตัวมันเอง
ในการกำหนดตัวแปรของสตริง อาศัยหลักการ
ของอะเรย์ เพราะ สตริงก็คืออะเรย์ของอักขระที่ปิดท้าย
ด้วย null character (\0) และมีฟังก์ชันพิเศษสำหรับ
ทำงานกับสตริงโดยเฉพาะ
เช่น ต้องการสตริงสำหรับเก็บชื่อบุคคลยาวไม่เกิน 30
อักขระ ต้องกำหนดเป็นอะเรย์ขนาด 31 ช่อง เพื่อเก็บ
null character อีก 1 ช่อง

การกำหนดสตริงทำได้หลายแบบ คือ
1. กำหนดเป็นสตริงที่มีค่าคงตัว
2. กำหนดโดยใช้ตัวแปรอะเรย์หรือพอยเตอร์

การกำหนดตัวแปร country
จะแต่งต่างกับการกำหนดตัวแปรอะเรย์
เพราะเป็นการกำหนดตัวแปรพอยเตอร์ขึ้น 4 ตัว ในการเขียนค่าเริ่มต้นคือ
ค่าคงตัวสตริง เขียนไว้ในเครื่องหมายวงเล็บปีกกา และเครื่องหมายคำพูดคือ
ค่าคงตัวสตริงฟังก์ชัน puts () ใช้ในการพิมพ์สตริงออกทางจอภาพ
โดยการผ่านค่าแอดเดรสของสตริงไปให้เท่านั้น

อะเรย์ของสตริง
ถ้าหากมีสตริงจำนวนมาก ก็ควรจะทำ
ให้เป็นอะเรย์ของสตริง เพื่อที่จะเขียน
โปรแกรมได้สะดวก การสร้างอะเรย์ของ
สตริง สามารถสร้างได้ทั้งแบบที่ให้ค่าเริ่มต้น
และแบบที่กำหนดเป็นตัวแปร

อะเรย์ของสตริงที่ยาวเท่ากัน
อะเรย์ในลักษณะนี้จะถือว่าเป็นอะเรย์ที่แท้จริง
และสามารถกำหนดได้ทั้งเมื่อมีการให้ค่าเริ่มต้น และเมื่อ
กำหนดเป็นตัวแปร โดยดำเนินการตามแบบการ
กำหนดอะเรย์ 2 มิติ
เช่น char fruit [3][7]={“Apple”, “Orange”, “Mango”};
กำหนดตัวแปร fruit เป็นแบบ 3 แถว 7 คอลัมน์ ใน
แต่ละช่องจะเก็บข้อมูลแบบอักขระ

อะเรย์ของสตริงที่ยาวเท่ากัน
อะเรย์ในลักษณะนี้จะถือว่าเป็นอะเรย์
ที่แท้จริง และสามารถกำหนดได้ทั้งเมื่อมี
การให้ค่าเริ่มต้น และเมื่อกำหนดเป็นตัว
แปร โดยดำเนินการตามแบบการ
กำหนดอะเรย์ 2 มิติ

การดำเนินการเกี่ยวกับสตริงในการดำเนินการเกี่ยวกับสตริง
จะมีฟังก์ชันที่อยู่ในแฟ้ม ข้อมูล stdio.h เก็บอยู่ใน C Library อยู่แล้ว
สามารถนำมาใช้ได้ โดยการใช้คำสั่ง #include ในการ
เรียกใช้ เช่น
- ฟังก์ชัน strlen(str) ใช้หาความยาวของสตริง
- ฟังก์ชัน strcpy (str1,str2) ใช้คัดลอกข้อมูล
จาก string หนึ่งไปยังอีก string หนึ่ง
- ฟังก์ชัน strcat(str1,str2) ใช้เชื่อมต่อข้อความ
2 ข้อความเข้าด้วยกัน
- ฟังก์ชัน strcmp(str1,str2 ) ใช้เปรียบเทียบ
ข้อความ 2 ข้อความว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ ถือหลักการ
เปรียบเทียบแบบพจนานุกรม เช่น abcda จะมีค่าน้อย
กว่า abcde และ abcdf จะมีค่ามากกว่า abcde ค่าที่
เท่ากัน คือ ค่าที่เหมือนกัน เช่น abcd กับ abcd สำหรับ
อักษรตัวเล็กตัวใหญ่ จะถือว่าอักษรตัวใหญ่มีค่าน้อยกว่า

อักษรตัวเล็ก ตามลำดับรหัส ASCII
เผยแพร่บทความ บันทึกเป็นฉบับร่าง